นาตาลี เกอร์ซไตน์ เคอโรวดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย) จำกัด
เครดิต : ผู้จัดการรายวัน 360
ตลาดบิวตี้ไทย 1.54 แสนล้านบาท ยังบูม โต 6.5% “ลอรีอัล” เปิดเกมรุก หวังโต 2 เท่า มากกว่าตลาดรวมเป็นปีที่ 6 ติดต่อกัน รุกหนักช่องทางดิจิตอล ชูแม่ทัพดิจิตอลครั้งแรกลุย
นางนาตาลี เกอร์ซไตน์ เคอโรวดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ช่วง 2 เดือนแรกปี 2560 นี้ ผลประกอบการของบริษัทฯ ทำได้ดี และคาดว่าจะมียอดขายเติบโตมากกว่าตลาดรวมเป็นสองเท่าเป็นปีที่ 6 ติดต่อกัน ซึ่งปีที่แล้วบริษัทจำหน่ายสินค้าในเครือลอรีอัลรวม 123 ล้านชิ้นในไทย
ตลาดความงามของไทยยังเป็นหนึ่งในตลาดที่ใหญ่ที่สุดในกลุ่มอาเซียน โดย ลอรีอัล ประเทศไทย ก็เป็นหนึ่งสาขาที่ใหญ่ที่สุดในกลุ่มประเทศนี้เช่นกัน จากรายงานของยูโรมอนิเตอร์ (Euromonitor) ตลาดความงามและกลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคลในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมีขนาดใหญ่เป็นลำดับที่ 3 ของโลก ซึ่งตลาดความงามในประเทศกำลังพัฒนาเช่นประเทศไทยนั้นจัดเป็นอีกหนึ่งประเทศที่ช่วยขับเคลื่อนอัตราการเติบโตให้แก่ภูมิภาคนี้ทั้งหมด
“แม้ว่าภาพรวมเศรษฐกิจจะมีความผันผวนและไม่แน่นอน แต่ลอรีอัลไทยมั่นใจว่าว่าจะสามารถคงการเติบโตสูงกว่าภาพรวมตลาดความงามได้ และยังย้ำเป้าหมายเดิมที่จะให้คนไทยทุกครัวเรือนต้องมีสินค้าในเครือลอรีอัลอย่างน้อย 1 ชิ้น”
ในปี 2560 นี้ ลอรีอัลวางแผนรุกตลาดทั้งการออกสินค้าใหม่ไม่น้อยกว่าปีที่แล้วที่วางตลาดเช่น กลุ่มสกินแคร์ 86 รายการ กลุ่มเมกอัพ 552 รายการ กลุ่มเส้นผม 50 รายการ เป็นต้น การบุกตลาดในช่องทางออนไลน์มากขึ้นซึ่งต้นปีนี้แบรนด์ลอรีอัลปารีส, เมย์เบลลีนนิวยอร์ก, ไบโอเธิร์ม, ลังโคม และคีลส์ ได้เปิดตัวบัญชีไลน์ เพื่อเชื่อมต่อกับกลุ่มผู้ที่สนใจความงาม ขณะที่แบรนด์เมย์เบลลีนนิวยอร์กได้สร้างช่องทางยูทูปเป็นครั้งแรกของแบรนด์เครื่องสำอาภายใต้คอนเซ็ปต์ เมกอัพมายเวย์ การปรับโฉมเคาน์เตอร์แบรนด์ลังโคม ได้เปิดตัวเคาน์เตอร์โฉมใหม่ที่สยามพารากอนคอนเซ็ปต์ “ปารีเซียงอพาร์ตเมนต์”
นอกจากนั้นจะรุกด้านดิจิตอลมากขึ้นด้วย ล่าสุดแต่งตั้ง น.ส.ดวงขวัญ สินสัตยกุล ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายดิจิตอลคนแรกเพื่อดูแลและวางแผนงานกลยุทธ์ด้านดิจิตอลโดยรวม มีทีมงานใหญ่กว่า 20 คน ซึ่งปีที่แล้วลอรีอัลประเทศไทยเติบโตด้านอีคอมเมิร์ซมากกว่า 169%
สำหรับภาพรวมตลาดความงามในปี 2559 มีมูลค่ารวม 1.54 แสนล้านบาท เติบโต 6.5% เป็นกลุ่มดูผิว 46%, กลุ่มเส้นผม 19%, กลุ่มเครื่องสำอาง 14%, กลุ่มทำความสอาดร่างกาย 17% และกลุ่มน้ำหอม 5% ขณะที่ตลาดดูแลผิวหรือสกินแคร์ มีมูลค่า 7 แสนล้านบาท เติบโต 6.1% แยกเป็นกลุ่มดูแลผิวหน้า 83% และกลุ่มดูแลผิวกาย 17% ซึ่งลอรีอัลครองอันดับหนึ่งในตลาดดูแลผิวหน้า
ส่วนตลาดผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง มีมูลค่า 2.1 แสนล้านบาท เติบโต 7% แยกเป็น กลุ่มผิวหน้า 56%, กลุ่มริมฝีปาก 26%, กลุ่มแต่งตา 17% และกลุ่มเล็บ 1% ซึ่งลอรีอัลครองอันดับหนึ่งในช่องทางโมเดิร์นเทรด ขณะที่ตลาดรวมผลิตภัณฑ์สำหรับเส้นผม มีมูลค่า 2.9 แสนล้านบาท เติบโต 6.3% แยกเป็น ดูแลเส้นผม 83%, เปลี่ยนสีผม 11%, จัดแต่งทรงผม 4% และ ยืดดัดผม 2% ซึ่งลอรีอัลครองอันดับผู้นำตลาดอันดับหนึ่งในช่องทางร้านซาลอน